ผักเคลมีอีกชื่อว่า “ผักคะน้าใบหยิก” (Curly Kale) เพราะมีใบหยิก เติบโตได้ดีในอากาศเย็น มีความโดดเด่นที่ขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด และทำสมูทตี้ หรือปั่นเป็นน้ำผัก
7 คุณประโยชน์ผักเคล:
- ผักเคลมี “วิตามินเค” สูงที่สุดในบรรดาผักใดๆ ในโลก หากกินผักเคล 1 ถ้วย เท่ากับร่างกายได้รับวิตามินเคถึง 6 เท่าของความต้องการต่อวัน หรือกินแค่ต้นสองต้นประมาณ 10-20 กรัม ก็ได้รับวิตามินเคเท่าความต้องการของร่างกาย ซึ่งวิตามินเคดีต่อเซลล์สมอง กระดูก และระบบเลือด ช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือด และช่วยในการแข็งตัวของเลือดหากมีบาดแผลจนสูญเสียเลือดมาก ช่วยให้เลือดหยุดได้ง่าย วิตามินเคจำเป็นกับทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หากพลั้งพลาดเกิดอุบัติเหตุเลือดไหล หากขาดวิตามินเค ไม่มีคนดูแล มาช่วยปฐมพยาบาล หรือส่งไปรักษาช้า จะทำให้สูญเสียเลือดเยอะ เกิดภาวะช็อก และอาจเสียชีวิตได้
- ผักเคลมีแร่ธาตุโพแทสเซียมสูงมาก เป็นแร่ธาตุสำคัญ และจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ
- ผักเคลจุดเด่นคือมีสีเขียวเข้ม ทำให้มีคลอโรฟิลล์ (chlorophyll) ค่อนข้างสูง ซึ่งรายงานวิจัยระบุไว้ว่า คลอโรฟิลด์ช่วยให้ร่างกายลดการดูดซึมสาร “เฮทเทอโรไซคลิก อะโรมาติก เอมีน” (heterocyclic aromatic amines) หรือสารก่อมะเร็งจากอาหารประเภทปิ้งย่างเข้าสู่ร่างกาย คลอโรฟิลด์จะไปจับและขับออกจากร่างกาย
- ผักเคลมีวิตามินซีสูง หากกินผักเคล 100 กรัม จะได้รับวิตามินซี 120 มิลลิกรัม ซึ่งวิตามินซีช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันหวัด ช่วยให้ระบบข้อต่อแข็งแรง แนะนำควรกินสดๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียวิตามินซี หรือมีเมนูแนะนำ อบ 200 องศาฯ ก็จะได้กินผักเคลที่กรอบ แต่วิตามินซีหายเพราะไม่ทนความร้อน
- ผักแคลมีแคลเซียมสูง แต่การดูดซึมของร่างกายไม่ดีเท่ากับดื่มนม
- ผักเคลมีเบต้าแคโรทีน (beta-carotene) โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอ จึงช่วยบำรุงสายตาให้มองเห็นในที่มืดได้ดี ลดความเสื่อมของตา ลดการเป็นต้อกระจก และช่วยให้ผิวพรรณสดใส สุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยแก่ก่อนวัย
- ผักเคล มีไฟเบอร์เยอะ และมีน้ำในตัว ช่วยเรื่องการขับถ่าย เหมาะกับผู้ท้องผูกบ่อยๆ และช่วยเพิ่มการจับและขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกาย เหมาะกับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง
กินเป็นช่วยลดโรค
5 ข้อคิด ก่อนกินผักเคล : ด้วยผักเคลอุดมด้วยแร่ธาตต่างๆ “กินน้อยๆ ได้ประโยชน์ ทานโอเวอร์โหลดก่อโทษได้”
*คำแนะนำก่อนการกินผักเคลในผู้ป่วยโรคต่างๆ เพื่อได้รับประโยชน์ที่ดี มีดังนี้
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่ได้ใช้ยา หมอให้ควบคุมอาหาร และหมั่นออกกำลังกาย ควรกินผักเคล เพราะผักเคลมีเแคลเซียม โพแทสเซียม แต่โซเดียมต่ำ แต่หากเริ่มกินยารักษาความดัน หรือทานยาลดหัวใจ ต้องระวังอย่ากินเยอะ เพราะผักแคลมีโปแทสเซียมสูง จะไปต้านฤทธิ์ของยาที่กินรักษาโรคได้
- ผักเคลมีวิตามินเคสูง จึงเหมาะกับผู้ที่ขาดวิตามินเค โดยเฉพาะกลุ่มคนรับประทานอาหารเสริม เช่น วิตามินอี วิตามินเอ
- ผู้ที่รับประทานยาที่ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ควรกินผักเคลน้อยๆ ครั้งละต้นสองต้น ประมาณ 10 กรัม แต่อย่ากินผักเคลเยอะ เพราะวิตามินเคในผักเคลจะไปช่วยให้เลือดแข็งตัว ทำให้เลือดไหลหมุนเวียนได้ไม่สะดวก
- ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรกินผักเคล เพราะผู้ป่วยต้องควบคุมอาหารที่มีโปแทสเซียมสูง หากต้องฟอกไต คนไข้จะไม่สามารถขับโปแทสเซียมออกจากร่างกาย หากมีโปแทสเซียมสูงจะเป็นอันตรายกับคนไข้
- ผักเคลมีไฟเบอร์สูง มีรายงานวิจัยไว้ หากนำมา “นึ่ง” แล้วรับประทานแทนการกินสด จะช่วยเพิ่มการจับและขับคอเลสเตอรอลออกจากร่างกายได้ดีกว่า ผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูงจึงควรกินผักเคลนึ่ง
แหล่งที่มา https://www.thairath.co.th/scoop/1993512
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์